สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (2 มี.ค.) ขานรับสัญญาณบ่งชี้การฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา สนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 78.16 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.52% ปิดที่ 84.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.ของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 52.6 จากระดับ 50.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 11 ปี ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.พ.พุ่งขึ้นแตะระดับ 56.3 จากระดับ 54.4 ในเดือนม.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตและภาคบริการของจีนมีการขยายตัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัว หลังจากรัฐบาลยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตากล่าวสนับสนุนให้เฟดชะลอความแรงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% อย่างต่อเนื่องถือเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม และจะช่วยลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงบวก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.52% แตะที่ระดับ 105.0284 เมื่อคืนนี้