สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดี (9 มี.ค.) และปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 75.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ปีนี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 81.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ปีนี้
บรรยากาศการซื้อขายตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงต่อสภาคองเกรสว่า ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้าย (Terminal Rate) ของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เฟดก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากบริษัท TotalEnergies ระบุว่า ทางบริษัทไม่สามารถขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นเมื่อวานนี้ เพราะได้รับผลกระทบจากการผละงานประท้วงของแรงงานฝรั่งเศส
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนในระหว่างวัน จากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล