สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (16 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียได้พบปะกันเพื่อหารือแนวทางในการสร้างเสถียรภาพตลาดน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 68.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 74.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
สื่อของรัฐบาลซาอุดีอาระเบียรายงานว่า เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย และนายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย ได้พบปะกันในกรุงริยาด เพื่อหารือเกี่ยวกับความพยายามของกลุ่มโอเปกพลัสในการรักษาสมดุลของตลาดน้ำมัน โดยทั้ง 2 ประเทศยังคงยึดมั่นในการตัดสินใจของที่ประชุมโอเปกพลัสเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ในการปรับลดเป้าหมายการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงปลายปี 2566
ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสู่แดนบวก หลังจากราคาสัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1% แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 15 เดือนในระหว่างวัน
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร หลังจากเครดิต สวิสได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ระบบธนาคารของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.21% แตะที่ 104.4151 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ