สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (24 มี.ค.) เนื่องจากถูกกดดันจากความวิตกครั้งใหม่เกี่ยวกับสภาพคล่องของภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะสินเชื่อตึงตัว และอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงจนส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 69.26 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่เพิ่มขึ้น 3.5% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 92 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 74.99 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ปรับตัวขึ้น 2.8% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงมากถึงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 68 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐและยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ได้ตกเป็นเป้าสนใจของนักลงทุนทั่วโลกในวันศุกร์ เนื่องจากราคาหุ้นของดอยซ์แบงก์ดิ่งลงทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐ หลังจาก Credit Default Swap (CDS) ซึ่งเป็นอนุพันธ์ป้องกันความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของดอยช์แบงก์พุ่งสูงสุดในรอบ 4 ปี
บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมคณะกรรมการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันที่ 3 เม.ย. ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะรักษานโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 แม้เกิดวิกฤตธนาคารในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม