สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันจันทร์ (27 มี.ค.) หลังมีรายงานว่า อิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิรัก ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะอุปทานตึงตัว นอกจากนี้ ข่าวการซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ ยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคการเงินสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 3.55 ดอลลาร์ หรือ 5.1% ปิดที่ 72.81 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 3.13 ดอลลาร์ หรือ 4.2% ปิดที่ 78.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังมีข่าวว่าตุรกีหยุดการสูบน้ำมันดิบจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานในอิรักผ่านทางท่อส่งน้ำมัน หลังจากคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการยืนยันว่าการส่งออกน้ำมันจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรัก โดยการส่งออกน้ำมันผ่านท่อลำเลียงแห่งนี้คิดเป็นสัดส่วนราว 0.5% ของอุปทานน้ำมันโลก หรือประมาณ 450,000 บาร์เรล/วัน
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร หลังจากบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เปิดเผยว่า ธนาคารเฟิร์สต์ ซิติเซนส์ แบงก์แชร์ส (First Citizens BancShares) ตกลงเข้าซื้อกิจการธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงเงินฝากและเงินกู้ทั้งหมดของ SVB
นอกจากนี้ ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน หลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศว่าจะติดตั้งฐานอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในเบลารุส ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความกังวลให้กับประเทศทั่วโลก รวมถึงสหรัฐ และบรรดาชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO)
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย