สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (30 มี.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี รวมทั้งข่าวอิรักระงับการส่งออกน้ำมันบางส่วนจากเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถาน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะอุปทานตึงตัว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 1.40 ดอลลาร์ หรือ 1.92% ปิดที่ 74.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.26% ปิดที่ 79.27 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการที่อิรักสั่งระงับการส่งออกน้ำมันราว 450,000 บาร์เรล/วันจากเคอร์ดิสถานผ่านทางตุรกี หลังจากคำตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการยืนยันว่าการส่งออกน้ำมันจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลอิรัก โดยเคอร์ดิสสถานเป็นเขตปกครองตนเองซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของอิรัก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 7.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 3 เม.ย. ขณะที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า โอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะรักษานโยบายการผลิตน้ำมันด้วยการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 แม้เกิดวิกฤตธนาคารในช่วงที่ผ่านมา