สัญญาน้ำมันดิบ WTI ยังคงปรับตัวลงในวันนี้ โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากรายงานสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด และจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้น ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นสำหรับผู้ถือเงินสกุลอื่นด้วย
ณ เวลา 18.22 น. ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 0.06 ดอลลาร์ หรือ 0.07% สู่ระดับ 80.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุดออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) รายงานว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 145,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 210,000 ตำแหน่ง หลังจากพุ่งขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.
รายงานดังกล่าวมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานปรับตัวลง 632,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.9 ล้านตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2564 และต่ำกว่าระดับ 10 ล้านตำแหน่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 รวมทั้งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.4 ล้านตำแหน่ง
ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้บดบังปัจจัยบวกจากข่าวโอเปกพลัสประกาศลดการผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 และรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 238,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 311,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.6% ในเดือนมี.ค.