สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (6 เม.ย.) และทำสถิติปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 โดยได้แรงหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ประกาศลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.11% ปิดที่ 80.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 85.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 7 เม.ย. เนื่องในวัน Good Friday ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 6.65% และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 6.55% โดยได้แรงหนุนจากการที่โอเปกพลัสประกาศลดการผลิตน้ำมัน 1.16 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สู่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับรายงานของเบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐซึ่งจะบ่งชี้ถึงผลผลิตน้ำมันในอนาคตนั้น ลดลง 2 แท่น สู่ระดับ 590 แท่นในสัปดาห์นี้