สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งกว่า 2% หลุดระดับ 81 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนวิตกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย และกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
ณ เวลา 22.57 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 1.72 ดอลลาร์ หรือ 2.08% สู่ระดับ 80.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ค. หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมของเฟดและตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 11.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) จะรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2566 รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า จีนจะรายงานตัวเลข GDP รวมทั้งตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรที่แข็งแกร่งในวันพรุ่งนี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดประเทศ หลังยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์
สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะมีการขยายตัว 4.0% ในไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าระดับ 2.9% ของไตรมาส 4/2565
หากเศรษฐกิจจีนมีการขยายตัว 4.0% ในไตรมาส 1/2566 ตามคาด ก็จะเป็นการเติบโตเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 1/2565
ด้านนายหลี่ ฉานกัง นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธุรกิจและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ คาดว่า เศรษฐกิจจีนอาจมีการขยายตัว 4.5% ในไตรมาส 1/2566
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันพรุ่งนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันพุธ