สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (25 เม.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจชะลอตัว, การแข็งค่าของดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายแห่ง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 1.69 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 77.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 80.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ร่วงลงกว่า 2% เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ 101.8678 เมื่อคืนนี้
ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่า ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 101.3 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 104.0 ในเดือนมี.ค. รวมทั้งข่าวลูกค้าแห่ถอนเงินฝากจำนวนมากออกจากธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล