สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (1 พ.ค.) หลังมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.46% ปิดที่ 75.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.27% ปิดที่ 79.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของจีนอยู่ที่ 49.2 ลดลงจากระดับ 51.9 ในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 51.4 โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนหดตัวลง และเป็นการหดตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2565
ปีเตอร์ แมคแนลลี นักวิเคราะห์จากบริษัท Third Bridge กล่าวว่า "ตลาดน้ำมันจับตาสถานการณ์เศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลกอย่างใกล้ชิด และข้อมูลภาคการผลิตล่าสุดได้สร้างความผิดหวังให้กับตลาด เราคาดว่าจีนจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปีนี้"
ขณะเดียวกันการแข็งค่าของดอลลาร์ยังส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.49% แตะที่ 102.1527 เมื่อคืนนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าเฟดอาจจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนักเพียง 14.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00%