สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักในวันพุธ (3 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่สต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา และนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 3.06 ดอลลาร์ หรือ 4.27% ปิดที่ 68.60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 2.99 ดอลลาร์ หรือ 3.97% ปิดที่ 72.33 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2564
แม้สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 300,000 บาร์เรล
ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยถ่วงราคาน้ำมันลงด้วย โดยนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ในวันพุธ (3พ.ค.) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2550
แหล่งข่าวระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมนโยบายการผลิตน้ำมันในวันที่ 4 มิ.ย.นี้ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง