สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพฤหัสบดี (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 4 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 68.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 17 เซนต์ หรือ 0.24% ปิดที่ 72.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมัน WTI ร่วงลงอย่างหนัก โดยดิ่งลงแตะระดับ 63.64 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมทั้งวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารของสหรัฐ และความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย. หากสภาคองเกรสไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนเส้นตายดังกล่าว
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงลบ หลังจากที่ประชุม ECB มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน้อยที่สุดนับตั้งแต่เริ่มวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงฤดูร้อนปีที่แล้ว
ขณะที่คณะกรรมการเฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (3 พ.ค.) พร้อมกับส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย