สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (10 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 72.56 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 76.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.8 ล้านบาร์เรล
ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 550,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ EIA ระบุว่า สหรัฐนำเข้าน้ำมันดิบ 5.553 ล้านบาร์เรล/วันในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 พ.ค. ลดลง 843,000 บาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบอยู่ที่ 2.876 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 1.861 ล้านบาร์เรล/วันจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้น
เจย์ แฮทฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Infrastructure Capital Management กล่าวว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นอย่างเหนือความคาดหมายและการนำเข้าน้ำมันดิบที่ลดน้อยลงของสหรัฐ รวมทั้งข้อมูลการค้าที่ซบเซาของจีนในเดือนเม.ย.ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร
สำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่า ยอดส่งออกเดือนเม.ย.ของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 8.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 2.9542 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งชะลอลงจากเดือนมี.ค.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 14.8% ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนเม.ย.ปรับตัวลง 7.9% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 2.0521 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ลดลง 1.4% ในเดือนมี.ค.