สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (15 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัวในแคนาดาและทั่วโลก อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 71.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
โรเบิร์ต ยอว์เกอร์ นักวิเคราะห์จาก Mizuho กล่าวว่า เหตุการณ์ไฟป่าที่ลุกลามเป็นวงกว้างในรัฐแอลเบอร์ตาของแคนาดาส่งผลให้มีการระงับการผลิตน้ำมันจำนวนมาก และจะทำให้แคนาดาเผชิญภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวมากขึ้น โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐแอลเบอร์ตาระงับการผลิตน้ำมันไปแล้วอย่างน้อย 300,000 บาร์เรล/วัน
ขณะเดียวกันคาดว่าทั่วโลกจะเผชิญภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสหรัฐจะเริ่มซื้อน้ำมันดิบเพื่อเติมเต็มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR)
อย่างไรก็ดี ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและวิกฤตเพดานหนี้ของสหรัฐส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบลดช่วงบวก โดยประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะพบปะกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ รวมทั้งผู้นำของสภาคองเกรสในวันนี้ (16 พ.ค.) เพื่อเจรจาเป็นครั้งที่ 2 เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ หลังจากที่การเจรจาครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วไม่มีความคืบหน้า
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย