สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (16 พ.ค.) หลังจากจีนและสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งบดบังปัจจัยบวกจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.35% ปิดที่ 70.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 32 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 74.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังจากจีนรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 5.6% ซึ่งแม้ว่าสูงกว่าในเดือนมี.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.9% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 10.9% ขณะที่ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.เพิ่มขึ้น 18.4% ซึ่งแม้ว่าแข็งแกร่งกว่าในเดือนมี.ค.ที่ปรับตัวขึ้น 10.6% แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 21%
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดขายปลีกที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนเม.ย.สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังคงฟื้นตัวอย่างอ่อนแรงหลังผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากร่วงลง 0.7% ในเดือนมี.ค.
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีนและสหรัฐได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ IEA ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลก โดยคาดว่าอุปสงค์ในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 102 ล้านบาร์เรล/วัน
ตลาดยังได้ปัจจัยบวกในระหว่างวัน หลังจากนางเจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสหรัฐยืนยันว่า กระทรวงพลังงานจะซื้อน้ำมันดิบในปริมาณ 3 ล้านบาร์เรลเพื่อเติมเต็มคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) ในเดือนส.ค.นี้
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย