สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (22 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าความต้องการใช้น้ำมันจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์และความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐได้สกัดแรงบวกในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.61% ปิดที่ 71.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.54% ปิดที่ 75.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะสูงกว่าอุปทานราว 2 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยอุปสงค์น้ำมันจากจีนครองสัดส่วนราว 60% ของความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าตลาดจะเผชิญภาวะน้ำมันตึงตัวจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส
อย่างไรก็ดี ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลที่ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยล่าสุดนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ และนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส ต่างก็ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนรอคอยผลการเจรจาปรับเพิ่มเพดานหนี้ครั้งล่าสุดระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ โดยขณะนี้เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันก่อนที่จะถึงกำหนดเส้นตายของการผิดนัดชำระหนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพรุ่งนี้ เวลาประมาณ 21.30 น. ตามเวลาไทย