สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (23 พ.ค.) ขานรับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบียออกมาเตือนนักเก็งกำไรที่ขายชอร์ตในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.19% ปิดที่ 72.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.12% ปิดที่ 76.84 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดได้แรงหนุนจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 6.799 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 6.398 ล้านบาร์เรล ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 19 พ.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น และเป็นปัจจัยหนุนสัญญาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 2%
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ซึ่งหากข้อมูลจาก EIA ออกมาสอดคล้องกับ API ก็หมายความว่าสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุด Memorial Day ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ชาวอเมริกันจะขับรถออกไปท่องเที่ยว โดยฤดูกาลดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในช่วงสิ้นเดือนพ.ค. ไปจนถึงวันหยุดเนื่องในวันแรงงานสหรัฐในเดือนก.ย.
ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากเจ้าชายอับดูลาซิส บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาเตือนนักเก็งกำไรที่ขายชอร์ตในตลาดเพราะคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงต่อไป
"นักเก็งกำไรมีให้เห็นในทุกตลาด ก่อนหน้านี้ผมเคยเตือนพวกเขาให้ระวังจะเจ็บตัว และก็เจ็บตัวจริงๆในเดือนเม.ย. ผมคงไม่ต้องโชว์ไพ่ในมือ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้เล่นไพ่โป๊กเกอร์ แต่ผมแค่จะขอเตือนว่า ระวังตัวให้ดี" เจ้าชายบิน ซัลมานกล่าว
คำเตือนของเจ้าชายบิน ซัลมาน มีขึ้นก่อนที่กลุ่มโอเปกพลัสจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตในวันที่ 4 มิ.ย.
ทั้งนี้ นักเก็งกำไรได้ขายชอร์ตในตลาด โดยคาดหวังว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงต่อไป แต่หากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากการที่โอเปกพลัสทำการปรับลดกำลังการผลิต ก็จะทำให้นักเก็งกำไรเหล่านี้ต้องปิดการซื้อขายในตลาดในราคาที่ขาดทุน
ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียและผู้ผลิตน้ำมันบางรายจากกลุ่มโอเปกพลัสสร้างความประหลาดใจด้วยการประกาศปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจในเดือนเม.ย. ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจากทรุดตัวลงก่อนหน้านั้น ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตธนาคารในสหรัฐและยุโรป