สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (1 มิ.ย.) ขานรับข่าวสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันอาทิตย์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.01 ดอลลาร์ หรือ 2.95% ปิดที่ 70.10 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.31% ปิดที่ 74.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ ด้วยคะแนนเสียง 314 ต่อ 117 เสียง และส่งต่อให้วุฒิสภาทำการพิจารณา หากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าว ก็จะส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย ซึ่งกระบวนการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้จะต้องเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย. มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ความคืบหน้าในการผ่านร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้เป็นปัจจัยหนุนตลาด และช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 4.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 3.4 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 280,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 200,000 บาร์เรล ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 500,000 บาร์เรล
นักลงทุนจับตาผลการประชุมโอเปกพลัสในวันอาทิตย์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยก่อนหน้านี้ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากการที่นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียไม่สนับสนุนให้มีการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพิ่มเติมในการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 มิ.ย. เนื่องจากเมื่อเดือนที่แล้ว สมาชิกบางประเทศเพิ่งประกาศปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ