สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 4% ในวันจันทร์ (12 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น และอุปสงค์ที่อ่อนแรงลงในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ดิ่งลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 4.4% ปิดที่ 67.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2.95 ดอลลาร์ หรือ 3.9% ปิดที่ 71.84 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564
สัญญาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ร่วงลง 2.2% และ 1.8% ในสัปดาห์ที่แล้วตามลำดับ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอในประเทศจีน หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงยอดส่งออกที่ร่วงลงอย่างหนัก และตัวเลขเงินเฟ้อที่ระดับใกล้ 0% ในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้เกิดความกังวลว่าจีนอาจจะเผชิญกับภาวะเงินฝืด
โกลด์แมน แซคส์ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์สำหรับส่งมอบเดือนธ.ค.ลงสู่ระดับ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 95 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน WTI สู่ระดับ 81 ดอลลาร์/บาร์เรล จากเดิมที่ระดับ 89 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยระบุว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มที่จะสูงเกินคาดในปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัสเซียเพิ่มการส่งออกน้ำมันไปยังจีนและอินเดีย หลังจากที่ยุโรปคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย และกลุ่ม G7 ตั้งเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือนของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ในวันอังคารที่ 13 มิ.ย. รวมทั้งจับตาการเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพุธที่ 14 มิ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค.ของสหรัฐในวันนี้ และผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันพุธที่ 14 มิ.ย.ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 15 มิ.ย.ตามเวลาไทย ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมครั้งนี้