สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันอังคาร (13 มิ.ย.) หลังจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ของโลก ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของจีนจะฟื้นตัว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 2.30 ดอลลาร์ หรือ 3.43% ปิดที่ 69.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.45 ดอลลาร์ หรือ 3.41% ปิดที่ 74.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย reverse repurchase rate ระยะ 7 วัน ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ลง 0.10% สู่ระดับ 1.9% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวลงครั้งแรกในรอบ 10 เดือน และเหนือความคาดหมายของตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอ่อนแอลงอย่างมากและมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินฝืด
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า รัฐบาลจีนกำลังพิจารณาที่จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เผชิญกับแรงกดดันให้เร่งออกมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การพลิกฟื้นภาคอสังหาริมทรัพย์และกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 4.0% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2564 จากระดับ 4.9% ในเดือนเม.ย. และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาไทย