สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (20 มิ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีน รวมทั้งข่าวอิหร่านและรัสเซียเพิ่มการส่งออกน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.28 ดอลลาร์ หรือ 1.78% ปิดที่ 70.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 71 เซนต์ หรือ 0.93% ปิดที่ 75.90 ดอลลาร์/บาร์เรล
เรดมอนด์ หว่อง นักวิเคราะห์จากบริษัทซาโซ มาร์เก็ตส์กล่าวว่า นักลงทุนผิดหวังที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดี (LPR) ลงเพียงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ แม้เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ในเดือนก.ค.นี้ เพื่อดูว่าที่ประชุมจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่หรือไม่
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.55% จากระดับ 3.65% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.3% โดยอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง
ธนาคารรายใหญ่หลายแห่งพากันปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีน โดยยูบีเอสปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้ลงสู่ระดับ 5.2% จากระดับ 5.7% ขณะที่ซิตี้กรุ๊ปปรับลดคาดการณ์ GDP จีนปีนี้ลงเหลือ 5.5% จากระดับ 6.1% และโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP จีนปีนี้ลงสู่ระดับ 5.4% จากระดับ 6%
ทางด้านบริษัทวิจัยในเครือของไชน่า เนชันแนล ปิโตรเลียม คอร์ปอเรชันส์ (CNPC) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบในจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5% สู่ระดับ 740 ล้านตันในปี 2566 ซึ่งตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า การส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน รวมทั้งการผลิตน้ำมันได้พุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในปีนี้ แม้อิหร่านยังคงถูกสหรัฐคว่ำบาตร ขณะที่รัสเซียเตรียมเพิ่มการส่งออกน้ำมันดีเซลในเดือนนี้