สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (26 มิ.ย.) หลังจากเกิดสถานการณ์ตึงเครียดในรัสเซีย ซึ่งอาจสั่นคลอนเสถียรภาพและส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันของรัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 69.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 33 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 74.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
รัสเซียเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ซึ่งนำโดยนายเยฟเกนี ปริโกซิน ได้ก่อกบฏและเคลื่อนทัพเข้าสู่กรุงมอสโกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความไม่พอใจที่กองทัพรัสเซียโจมตีกลุ่มวากเนอร์ จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย แต่ต่อมานายปริโกซินได้ประกาศยุติการบุกกรุงมอสโก เพื่อแลกกับข้อตกลงที่ให้นายปริโกซินย้ายไปเบลารุสและไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหากบฏ
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ตลาดมองว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินกำลังถูกท้าทายอำนาจ และทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในรัสเซีย
ฟิล ไฟนน์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Price Futures Group กล่าวว่า ความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในรัสเซียอาจจะทำให้ภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัวรุนแรงมากขึ้นไปอีกในช่วงหลายเดือนข้างหน้า หลังจากที่ซาอุดีอาระเบียให้คำมั่นว่าจะปรับลดกำลังการผลิตตั้งแต่เดือนก.ค.เป็นต้นไป รวมทั้งความเสี่ยของการที่สหรัฐผลิดน้ำมันลดลง โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซที่ดำเนินงานโดยบริษัทพลังงานสหรัฐ ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกรายหนึ่งระบุว่า ความไม่สงบในรัสเซีย อาจทำให้การผลิตน้ำมันหยุดชะงักลง โดยส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันมากถึง 3.5-4.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งจะทำให้ตลาดน้ำมันผันผวนอย่างหนัก
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันพุธนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย