สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 2% ในวันอังคาร (27 มิ.ย.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.67 ดอลลาร์ หรือ 2.41% แตะที่ 67.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.92 ดอลลาร์ หรือ 2.59% ปิดที่ 72.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
วลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์จากบริษัท FX Empire กล่าวว่า ตลาดน้ำมันถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น โดยล่าสุดนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวในงานเสวนาที่ประเทศโปรตุเกสเมื่อวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในยุโรปยังสูงเกินไปและมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงเช่นนี้เป็นเวลานาน ซึ่งอาจทำให้ ECB ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อต่อไป
นอกจากนี้ นักลงทุนมองว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐอาจจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยข้อมูลดังกล่าวรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 23 มิ.ย. และสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.9 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย