สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (7 ก.ค.) เนื่องจากตลาดคลายความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.87% ปิดที่ 73.86 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.95 ดอลลาร์ หรือ 2.55% ปิดที่ 78.47 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.1% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนเนื่องจากเทรดเดอร์คลายความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 209,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 225,000 ตำแหน่ง และต่ำกว่า 306,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. และอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
การอ่อนค่าของดอลลาร์ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบด้วย โดยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.86% สู่ระดับ 102.2807
ดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้สัญญาน้ำมันดิบที่กำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้นมีราคาถูกลง และน่าสนใจมากขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ
วลาดิเมียร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอ็กซ์ เอ็มไพร์ซึ่งเป็นบริษัทข้อมูลตลาดระบุว่า "น้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ยังคงมุ่งความสนใจไปที่การปรับลดการผลิตของรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย นอกจากนี้การอ่อนค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดน้ำมันด้วย"
ซาอุดีอาระเบียปรับลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. และตัดสินใจที่จะปรับลดลงอีกในเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียจะปรับลดการผลิตลงราว 500,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่เบเกอร์ ฮิวจ์ บริษัทบริการด้านน้ำมันของสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐลดลง 5 แท่น สู่ระดับ 540 แท่นในรอบสัปดาห์นี้