สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (10 ก.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งความกังวลว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 72.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 78 เซนต์ หรือ 0.99% ปิดที่ 77.69 ดอลลาร์/บาร์เรล
เดนนิส คิสเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท BOK Financial กล่าวว่า นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้น 4.6% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกันตลาดได้รับผลกระทบจากความกังวลว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะฉุดอุปสงค์น้ำมันให้อ่อนแอลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากจีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ดิ่งลง 5.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 5% หลังจากที่ปรับตัวลง 4.6% ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน จากการคาดการณ์ที่ว่าตลาดน้ำมันโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศปรับลดอุปทานน้ำมันในตลาด โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงสิ้นเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ในวันพุธนี้ รวมทั้งจับตาการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐในวันพุธ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนมิ.ย.ในวันพฤหัสบดี เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด