สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากราคาปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.47 ดอลลาร์ หรือ 1.91% ปิดที่ 75.42 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 2.1% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.49 ดอลลาร์ หรือ 1.83% ปิดที่ 79.87 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงปรับตัวขึ้น 1.8% ในรอบสัปดาห์นี้
วลาดิมีร์ เซอร์นอฟ นักวิเคราะห์ของเอฟเอกซ์ เอ็มไพร์ซึ่งเป็นบริษัทบริการข้อมูลตลาดระบุว่า "ตลาดน้ำมัน WTI ปรับตัวลง เนื่องจากบรรดาเทรดเดอร์เทขายทำกำไรหลังจากราคาทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา"
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นมากกว่า 5% ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลง และปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวในตลาด
นายเซอร์นอฟระบุว่า การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอาจส่งผลกดดันตลาดน้ำมันในวันศุกร์ด้วย
นอกจากนี้ ปัจจัยที่กดดันราคายังมาจากการที่เบเกอร์ ฮิวจ์ บริษัทด้านบริการน้ำมันเปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์บ่งชี้ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3 แท่นในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดน้ำมันจะได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำมันที่ตึงตัวในช่วงหลายเดือนข้างหน้า แม้มีความวิตกอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์ก็ตาม
ยูบีเอสระบุในรายงานวิจัยเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.ค.) ว่า ราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากอุปสงค์เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูร้อนในแถบซีกโลกเหนือ ขณะที่กลุ่มโอเปกและพันธมิตรปรับลดการผลิตลง