สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (17 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าเศรษฐกิจจีนขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่อันดับสองของโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.27 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 74.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.37 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 ขยายตัว 6.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขยายตัว 7.3% โดยเศรษฐกิจจีนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ซบเซาทั้งจากภายในประเทศและภายนอกประเทศ
นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในกลุ่มประชากรของจีนที่อยู่ในวัย 16-24 ปี พุ่งสู่ระดับ 21.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ หลังจากจีนเปิดเผยตัวเลข GDP ที่ต่ำกว่าคาด นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลงสู่ระดับ 5% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.5%
ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า "การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังเศรษฐกิจของประเทศอื่น ๆ เนื่องจากหลายประเทศต้องพึ่งพาการขยายตัวที่แข็งแกร่งของจีนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศตน โดยเฉพาะประเทศในเอเชีย และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐด้วย"
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังปรับตัวลงหลังจากมีรายงานว่า ลิเบียได้กลับมาผลิตน้ำมันจากบ่อ 2 ใน 3 แห่งที่ถูกปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อันเนื่องมาจากความไม่สงบภายในประเทศ