สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันอังคาร (18 ก.ค.) หลังจากทางการจีนให้คำมั่นว่าจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.60 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 75.75 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 79.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ให้คำมั่นว่า จีนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2566 ของจีนขยายตัว 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจจะขยายตัว 7.3%
นักวิเคราะห์จากบริษัท ING กล่าวว่า ตลาดน้ำมันได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอซึ่งรวมถึงรายงานยอดค้าปลีกนั้น อาจจะทำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงครั้งเดียวในปีนี้
ทั้งนี้ เฟดเปิดเผยว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนมิ.ย. หลังจากร่วงลง 0.5% เช่นกันในเดือนพ.ค. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค.
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 797,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ค.
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะลดลง 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ก.ค.