สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (19 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในระหว่างวัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 17 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 79.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น สัญญาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 76 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบลดลง 700,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งการที่จีนให้คำมั่นว่าจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 6.3% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3%
สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไร นอกจากนี้ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยสกัดแรงซื้อสัญญาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 100.2799 เมื่อคืนนี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังมีความหวังว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น จะเป็นปัจจัยหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายของปีนี้ ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. 2567