สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (25 ก.ค.) ขานรับข่าวรัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 90 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 83.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 และปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 2566 หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ซึ่งนำโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ส่งสัญญาณใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเร่งสร้างเสถียรภาพของการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นอุปสงค์การอุปโภคบริโภค และแก้ไขปัญหาหนี้สินของรัฐบาลท้องถิ่น
ขณะเดียวกันที่ประชุมโปลิตบูโรยังส่งสัญญาณว่าจะใช้แผนการกระตุ้นตลาดทุนและฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินหยวนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและมีความสมดุล
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศปรับลดอุปทานน้ำมันในตลาด โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นเดือนส.ค. ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 500,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและการปรับลดการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย จะทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดโลกลดลงราว 1.5%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค.