สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (27 ก.ค.) โดยปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 80 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งทะลุระดับ 84 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.เช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว หลังจากกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดการผลิต และตลาดได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นจากจีน และการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 80.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.32 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 84.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ของยูบีเอสระบุในรายงานว่า "เราคาดว่าตลาดน้ำมันจะตึงตัว เรายังคงมีมุมมองเชิงบวก และคาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 85-90 ดอลลาร์ในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้"
ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ยุติการดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งจะหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์พลังงาน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเกินคาด 2.4% ในไตรมาส 2/2566 ขณะที่การฟื้นตัวของตลาดแรงงานหนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค และภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุนในด้านอุปกรณ์ ซึ่งจะสกัดกั้นไม่ให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่จีนยืนยันเมื่อวันจันทร์ว่าจะออกนโยบายสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเพิ่มความหวังว่า จีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 4 ส.ค.นี้เพื่อทบทวนภาวะตลาดน้ำมัน