สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (28 ก.ค.) และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกันแล้ว เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่า อุปสงค์ที่แข็งแกร่งและการปรับลดการผลิตจะยังคงช่วยหนุนราคา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 80.58 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.6% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 75 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 84.99 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 4.8% ในรอบสัปดาห์นี้
ตลาดน้ำมันได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งจะสนับสนุนแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้พลังงาน
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่กลุ่มโอเปกพลัสประกาศปรับลดการผลิตน้ำมันเมื่อต้นเดือนนี้
นักวิเคราะห์จากคอมเมิร์ซแบงก์คาดว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนนี้อาจลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2564 และคาดว่าซาอุดีอาระเบียจะปรับลดการผลิตลงอีกในเดือนก.ย.
การคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์ที่สดใสช่วยหนุนตลาดด้วย หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวมากเกินคาด 2.4% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งสนับสนุนมุมมองของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้ง (soft landing)
ผู้กำหนดนโยบายของจีนได้ยืนยันที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจจีนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาส 2
นายดาร์เรน วูดส์ ซีอีโอของบริษัทเอ็กซอน โมบิลให้สัมภาษณ์ในวันศุกร์ โดยคาดว่า อุปสงค์น้ำมันจะสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้และปีหน้า
ด้านเบเกอร์ ฮิวจ์ส ซึ่งเป็นบริษัทบริการด้านพลังงานเปิดเผยในวันศุกร์ว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐลดลง 1 แท่นสู่ระดับ 529 แท่นในสัปดาห์นี้