สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) ขานรับแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน และรัสเซียประกาศลดการส่งออกน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2.06 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 81.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.94 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 85.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 81 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง ขานรับการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นเดือนก.ย.
ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวจะทำให้ซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมัน 9 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.ย. และจะเป็นการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันเป็นเดือนที่ 3 นับตั้งแต่เดือนก.ค.
นอกจากนี้ สื่อหลายแห่งยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ซาอุดีอาระเบียอาจจะตัดสินใจขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจหรือปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันมากขึ้นอีกในอนาคต
ขณะเดียวกัน นายอเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย แถลงเมื่อวานนี้ว่า รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 300,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
นักลงทุนจับตาการประชุมของคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันนี้ (4 ส.ค.)