สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (9 ส.ค.) ขานรับสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียปรับลดอุปทานน้ำมัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวในประเทศจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 84.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 87.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2566
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.7 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 200,000 บาร์เรล ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการเชื้อเพลิงในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศปรับลดอุปทานน้ำมันในตลาด โดยซาอุดีอาระเบียขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันออกไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย. ขณะที่รัสเซียจะลดการส่งออกน้ำมันจำนวน 300,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงในประเทศจีน โดยสำนักงานศุลกากรจีนรายงานว่ายอดนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนก.ค.ลดลง 18.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 และเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเงินฝืดและมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจ