สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน รวมทั้งข้อพิพาทระหว่างจีนและสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 1.58 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.15 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 86.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลง 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ลดลง 4.4% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 4.1%
ข้อมูลดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่าจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเงินฝืด และส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลว่าความต้องการใช้น้ำมันในจีนชะลอตัวลงด้วย
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในคำสั่งควบคุมการลงทุนในประเทศจีน ซึ่งรวมถึงการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ควอนตัม และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) โดยคำสั่งดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจให้แก่รัฐบาลจีน
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนได้บดบังปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.3%