สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (11 ส.ค.) หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ และคาดการณ์ปริมาณน้ำมันที่ตึงตัว ซึ่งได้ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 83.19 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.5% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 86.81 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้น 7 สัปดาห์ติดต่อกันครั้งที่ผ่านมาในเดือนม.ค.-ก.พ. 2565 ก่อนรัสเซียบุกโจมตียูเครน
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ประมาณการว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 103 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนมิ.ย. และอาจแตะระดับสูงสุดอีกในเดือนนี้
ขณะเดียวกัน การปรับลดการผลิตน้ำมันจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะทำให้สต็อกน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่ง IEA ระบุว่า อาจดันราคาน้ำมันขึ้นอีก
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน และระบุว่า แนวโน้มตลาดน้ำมันมีความแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ช่วยหนุนตลาดด้วย โดยกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใกล้ที่จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นายเครก เออร์แลม นักวิเคราะห์ของโออันดากล่าวว่า การปรับลดปริมาณการผลิตและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดน้ำมัน แต่แนวโน้มการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันอาจแผ่วลงหลังจากการทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา