สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันจันทร์ (21 ส.ค.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันอ่อนแอลงด้วย ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 53 เซนต์ หรือ 0.65% ปิดที่ 80.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 34 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 84.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีลง 0.10% สู่ระดับ 3.45% เมื่อวานนี้ แต่คงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 4.20% ซึ่งสวนทางกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้หน้านี้ว่า ธนาคารกลางจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ทั้งประเภท 1 ปี และ 5 ปี ลง 0.15%
นักลงทุนมองว่าการตัดสินใจครั้งล่าสุดของธนาคารกลางจีนยังไม่มากพอที่จะช่วยพยุงเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทางการจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงยอดการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือนในเดือนก.ค. ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2563 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญภาวะเงินฝืด
ทางด้านฟิทช์ เรทติ้งส์เตือนว่า ฟิทช์อาจจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของจีนซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ A+ เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันนี้ ก่อนที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลในวันพุธนี้