สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ในวันอังคาร (22 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า อิรักและตุรกีกำลังหารือกันเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงการส่งออกน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 80.35 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 84.03 ดอลลาร์/บาร์เรล
จิม ริทเทอร์บุช ประธานบริษัท Ritterbusch and Associates กล่าวว่า ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลงในประเทศจีนได้บดบังปัจจัยบวกจากการที่ซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน และรัสเซียประกาศลดการส่งออกน้ำมัน
ที่ผ่านมานั้น จีนซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกถูกคาดหวังว่าจะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกในปีนี้ แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของจีนได้สร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากรัฐบาลจีนใช้มาตรการกระตุ้นไม่มากพอที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงการที่ธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ตลาดถูกกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงออกมาส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุดนายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า เฟดจะต้องเปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวรวดเร็วขึ้น มากกว่าที่จะชะลอตัวลง ซึ่งบ่งชี้ว่าเฟดจำเป็นต้องต่อสู้กับเงินเฟ้อต่อไป
นอกจากนี้ บรรยากาศการซื้อขายในตลาดน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากรายงานที่ว่า รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของอิรักกำลังหารือกับทางการตุรกีเกี่ยวกับการรื้อฟื้นการส่งออกน้ำมัน หลังจากที่ตุรกีระงับการส่งออกน้ำมันของอิรักจำนวน 450,000 บาร์เรล/วันผ่านทางท่อส่งน้ำมันที่อยู่ในทั้งสองประเทศในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะในโพลสำรวจของ S&P Global Commodity Insights คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลง 4.24 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว