สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทะลุระดับ 81 ดอลลาร์ในวันอังคาร (29 ส.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานพลังงานของสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอร์ริเคน "อิดาเลีย" (Idalia) ซึ่งจะพัดถล่มรัฐฟลอริดาในสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 81.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.07 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 85.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐ (NHC) คาดการณ์ว่า เฮอร์ริเคนอิดาเลียจะทวีความรุนแรงเป็นพายุระดับที่ 3 ด้วยความเร็วลมสูงสุดที่ 111 ไมล์ต่อชั่วโมง (179 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ก่อนที่พัดถล่มเขตกัลฟ์โคสต์ในรัฐฟลอริดาในช่วงเช้าวันพุธ (30 ส.ค.)
โรเบิร์ต ยอเกอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทมิซูโฮคาดการณ์ว่า เฮอร์ริเคนอิดาเลียจะส่งผลกระทบต่อระบบการจ่ายพลังงานและกระทบต่อการใช้เชื้อเพลิงในหลายภูมิภาคที่พายุเคลื่อนตัวผ่าน ก่อนที่จะถึงวันหยุดในวันที่ 4 ก.ย.เนื่องในวันแรงงานของสหรัฐ
รายงานระบุว่า ขณะนี้บริษัทเชฟรอนได้อพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกแล้ว ก่อนที่พายุอิดาเลียจะพัดถล่ม อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันและก๊าซของบริษัทเชฟรอนในอ่าวเม็กซิโกยังคงดำเนินต่อไป
ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังช่วยให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.50% แตะที่ระดับ 103.5332 เมื่อคืนนี้
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงนั้น มาจากตัวเลขการเปิดรับสมัครงานของสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 11.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้