ราคาน้ำมันขยับขึ้นเล็กน้อยในวันนี้ (13 ก.ย.) โดยยังคงเคลื่อนไหวที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน หลังแตะระดับดังกล่าวครั้งแรกในวันอังคาร (12 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่า อุปทานน้ำมันโลกจะตึงตัวขึ้นและวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะติดขัดด้านอุปทานในลิเบีย ซึ่งบดบังความวิตกกังวลเรื่องอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในบางประเทศ เช่น จีน
ทั้งนี้ น้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 8 เซนต์ หรือ 0.1% แตะที่ 92.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 07.54 น.ของวันนี้ตามเวลาในไทย ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐปรับตัวขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% สู่ระดับ 88.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า น้ำมันดิบทั้งสองสัญญาพุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันอังคารที่ 12 ก.ย. ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565
"โอเปกคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันจะยังคงแข็งแกร่งและสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันโลกจะลดลง ดังนั้น ตลาดจึงคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจะตึงตัวขึ้นในอนาคต" นายซาโตรุ โยชิดะ นักวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์ของบริษัทราคุเทน ซีเคียวริตี้ส์ (Rakuten Securities) ระบุ
นายโยชิดะกล่าวด้วยว่า กรณีที่ลิเบียปิดท่าเรือส่งออกน้ำมัน 4 แห่งในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของประเทศ เนื่องจากผลกระทบของพายุและน้ำท่วมนั้นเป็นอีกปัจจัยที่หนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งทะยานขึ้น
สำนักข่าว LANA ของทางการลิเบียรายงานโดยอ้างอิงถ้อยแถลงของรัฐมนตรีมหาดไทยประจำรัฐบาลฝ่ายตะวันออกของลิเบียว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยใหญ่ครั้งนี้น่าจะอยู่ที่อย่างน้อย 5,300 คนแล้ว ส่วนยอดผู้สูญหายอยู่ที่ 10,000 ราย โดยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เขื่อนสองแห่งแตกจนกิดน้ำท่วมใหญ่