สัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 91 ดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว
ณ เวลา 19.42 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX บวก 0.93 ดอลลาร์ หรือ 1.02% สู่ระดับ 91.70 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 สัปดาห์ แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 และมีแนวโน้มทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในไตรมาส 1 ของปี 2565
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในไม่ช้า
"หากโอเปกพลัสยังคงลดการผลิตจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่เอเชียมีความต้องการใช้น้ำมันจำนวนมาก เราเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลก่อนถึงปี 2567" รายงานของแบงก์ ออฟ อเมริการะบุ
ด้านนายคริสเตียน มาเลค หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านพลังงานของเจพีมอร์แกน กล่าวว่า เขาเชื่อว่าราคาน้ำมันจะมีการซื้อขายอยู่ในช่วง 80-100 ดอลลาร์ในระยะสั้น และอยู่ที่ 80 ดอลลาร์ในระยะยาว
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุเตือนว่า การปรับลดอุปทานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย จะทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในไตรมาส 4
ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ ขณะที่รัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนหลังจากที่จีนเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกสูงกว่าคาดในเดือนส.ค.
นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้