สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบวันอังคาร (19 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ ภายหลังจากซาอุดิอาระเบียและรัสเซียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 91.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 9 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 94.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 92 ดอลลาร์ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นเหนือระดับ 95 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว หลังจากซาอุดีอาระเบียและรัสเซียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันรวมกัน 1.3 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้
แต่ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ปรับตัวลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ของธนาคารยูบีเอสคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันเบรนท์จะเคลื่อนไหวในช่วง 90-100 ดอลลาร์/บาร์เรลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันเบรนท์จะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีนี้
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 5.25 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 ก.ย. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ (20 ก.ย.) เวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาไทย