สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (22 ก.ย.) หลังรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันทั่วโลกเพื่อรักษาเสถียรภาพภายในประเทศ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 40 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 90.03 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 0.01% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 93.27 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 0.7% ในรอบสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นหลังกระทรวงพลังงานรัสเซียออกแถลงการณ์ระบุว่า รัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลไปยังหลายประเทศในโลกเป็นการชั่วคราว โดยมีผลบังคับใช้ในทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเชื้อเพลิงภายในรัสเซีย
อย่างไรก็ดี รัสเซียจะยังคงส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลให้แก่อดีตสมาชิกสหภาพโซเวียต ได้แก่ เบลารุส คาซัคสถาน อาร์เมเนีย และคีร์กีซสถาน
"คำสั่งห้ามส่งออกน้ำมันชั่วคราวจะช่วยให้ตลาดเชื้อเพลิงมีความอิ่มตัว และจะลดราคาน้ำมันสำหรับผู้บริโภค" แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ กระทรวงฯ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวจะช่วยสกัดการส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ได้รับอนุญาตด้วย
ทั้งนี้ หลายพื้นที่ในรัสเซียประสบภาวะขาดแคลนน้ำมันเบนซินและดีเซลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันตึงตัว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 700,000 บาร์เรล
ส่วนสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุเตือนว่า การปรับลดอุปทานน้ำมันของซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย จะทำให้ตลาดเกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันในไตรมาส 4/2566