สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในวันนี้
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 71 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 90.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 93.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันเป็นไปอย่างผันผวน โดยในช่วงแรก สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันอ่อนแอลงด้วย
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลกจะเผชิญภาวะตึงตัว หลังจากรัสเซียและซาอุดีอาระเบียขยายเวลาการปรับลดอุปทานน้ำมันจนถึงสิ้นปีนี้
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การที่ซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้น้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัวไปจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้
อย่างไรก็ดี สัญญาน้ำมันดิบถูกสกัดแรงบวกในระหว่างวัน เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะถูกปิดดำเนินการ หรือชัตดาวน์ ในวันที่ 1 ต.ค. หากสภาคองเกรสยังคงไม่มีความคืบหน้าในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว และส่งต่อให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 30 ก.ย.
ทามาส วาร์กา นักวิเคราะห์จากบริษัท PVM กล่าวว่า การชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของสหรัฐ และอาจเป็นปัจจัยขัดขวางแนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดว่าจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.22% แตะที่ 106.2270 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้