สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 5% ในวันพุธ (4 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์น้ำมันที่ซบเซา นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 5.01 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 84.22 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. 2566
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 5.11 ดอลลาร์ หรือ 5.6% ปิดที่ 85.81 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. 2566
สัญญาน้ำมัน WTI ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้น 6.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.3 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ลดลงสู่ระดับ 50.1 ในเดือนก.ย. ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 50.2 จากระดับ 50.5 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ใกล้หลุดระดับ 50 ซึ่งหากต่ำกว่าระดับดังกล่าวจะบ่งชี้ภาวะหดตัวในภาคบริการของสหรัฐ
สำหรับการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส เมื่อวานนี้ ที่ประชุมมีมติคงนโยบายการผลิตของโอเปกพลัสตามที่มีการบรรลุข้อตกลงในเดือนมิ.ย. ส่งผลให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันไปจนถึงสิ้นปี 2567
นอกจากนี้ JMMC มีมติสนับสนุนซาอุดีอาระเบียในการขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ รวมทั้งการที่รัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมัน 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เช่นกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการ JMMC จะจัดการประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 26 พ.ย.