สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหลุดระดับ 85 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส หลังซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าจะใช้ความพยายามป้องกันการลุกลามของสถานการณ์การสู้รบดังกล่าว
ณ เวลา 21.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 1.19 ดอลลาร์ หรือ 1.38% สู่ระดับ 84.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียออกแถลงการณ์ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียจะใช้ความพยายามร่วมกับพันธมิตรทั้งในและนอกภูมิภาคเพื่อป้องกันการลุกลามของสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
นอกจากนี้ แถลงการณ์ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียจะยังคงสนับสนุนให้ชาวปาเลสไตน์ได้รับสิทธิตามกฎหมาย และบรรลุสันติภาพอย่างยั่งยืน
นายวิเวก ธาร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ระบุในรายงานว่า เหตุการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันให้พุ่งขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
"การที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอย่างยาวนาน เหตุการณ์ความขัดแย้งนี้จะต้องกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน และทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก" รายงานระบุ
ทั้งนี้ อิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างก็ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยอิสราเอลมีโรงกลั่นน้ำมันเพียง 2 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันราว 300,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปาเลสไตน์ไม่มีการผลิตน้ำมัน
ด้านโกลด์แมน แซคส์ออกรายงานระบุว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยังไม่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อปริมาณน้ำมันในตลาด แต่จะกระทบต่อการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย
ขณะเดียวกัน สหรัฐยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอิหร่านมีส่วนร่วมโดยตรงในการโจมตีอิสราเอล ซึ่งหากสงครามไม่ขยายวงไปถึงอิหร่าน ก็จะไม่สามารถหนุนราคาน้ำมันในระยะยาว