ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 2.48 ดอลลาร์ หรือ 2.9% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.83 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่สุดในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกแถลงการณ์ว่า ซาอุดีอาระเบียจะใช้ความพยายามร่วมกับพันธมิตรทั้งในและนอกภูมิภาคเพื่อป้องกันการลุกลามของสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส นอกจากนี้ ซาอุดีอาระเบียจะยังคงสนับสนุนให้ชาวปาเลสไตน์ได้รับสิทธิตามกฎหมาย และบรรลุสันติภาพอย่างยั่งยืน
โทมัส วาร์กา นักวิเคราะห์จากบริษัท PVM กล่าวว่า สัญญาน้ำมันเบรนท์ และ WTI ร่วงลง เนื่องจากถ้อยแถลงของซาอุดีอาระเบียได้ลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้นจากการสู้รบในตะวันออกกลาง
วิเวก ธาร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของธนาคารคอมมอนเวลธ์ ระบุว่าสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก เนื่องจากอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างก็ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยอิสราเอลมีโรงกลั่นน้ำมันเพียง 2 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันราว 300,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปาเลสไตน์ไม่มีการผลิตน้ำมัน
เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์จากบริษัท OANDA กล่าวว่า ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการใช้น้ำมันที่ลดน้อยลงในสหรัฐ และความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจเยอรมนีจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากรัฐบาลเยอรมนีคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของประเทศอาจจะหดตัว 0.4% ในปีนี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อสูง
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาไทย