สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 58 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 82.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากปรับตัวขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้จากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานจากตะวันออกกลางหลังกลุ่มฮามาสเปิดฉากบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.)
ตลาดน้ำมันดิบสหรัฐถูกกดดัน หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 300,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว และสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (11 ต.ค.) ว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 12.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเพิ่มขึ้นเพียง 500,000 บาร์เรล
ด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในวันพฤหัสบดี (12 ต.ค.) ว่า ขณะนี้คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวันจากรายงานของเดือนที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่า อุปสงค์ทั้งหมดโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 101.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
ส่วนกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปกเปิดเผยในรายงานรายเดือนในวันพฤหัสบดีว่า ตลาดน้ำมันโลกโดยส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยคาดการณ์ว่า ความต้องการน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2567