สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 6% ในวันศุกร์ (13 ต.ค.) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า สงครามในตะวันออกกลางอาจขยายวงกว้าง เนื่องจากอิสราเอลเริ่มบุกโจมตีภาคพื้นดินเข้าสู่ฉนวนกาซา และอาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมัน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. พุ่งขึ้น 4.78 ดอลลาร์ หรือ 5.8% ปิดที่ 87.69 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 5.9% ในรอบสัปดาห์นี้
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 4.89 ดอลลาร์ หรือ 5.7% ปิดที่ 90.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวขึ้น 7.5% ในรอบสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวขึ้นในวันศุกร์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์รายวันมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
การที่อิสราเอลประกาศโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซานั้นทำให้นักลงทุนวิตกว่าสงครามจะขยายวงกว้างขึ้นและจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันของประเทศในตะวันออกกลาง
นายจาวาด อูซี รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของอิหร่านเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ราคาน้ำมันอาจจะสูงถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากสถานการณ์ปัจจุบันในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังปรับตัวขึ้น หลังจากสหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรครั้งแรกกับเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมันที่บรรทุกน้ำมันของรัสเซียที่มีราคาสูงกว่าราคาของกลุ่ม G7 ที่ระดับ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นความพยายามที่จะปิดช่องโหว่ในกลไกที่ออกแบบมาเพื่อลงโทษรัสเซียที่บุกโจมตียูเครน